วิธีการดูแลรักษานาฬิกาเบื้องต้น
1. นาฬิกาที่เป็นสายหนังควรระวังไม่ให้ถูกน้ำ เพราะจะทำให้เกิดความอับชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ ซึ่งหากถูกน้ำเป็นประจำ ก็จะส่งผลให้อายุการใช้งานสั้นลงได้ การทำความสะอาดนาฬิกาที่เป็นสายหนังสามารถทำได้โดยการใช้ผ้าชุบน้ำบิดให้หมาด เช็ดเบา ๆ ให้ทั่วเพื่อให้คราบโลชั่นหรือเหงื่อไคลถูกขจัดออกจากตัวนาฬิกาจนหมด
2. นาฬิกาที่เป็นสายเหล็ก สายโลหะ ควรหลีกเลี่ยง สเปรย์ น้ำหอม แอลกอฮอลล์ เพราะจะทำให้สายดำหรือทองที่เคลือบไว้ ซีดจางได้ การทำความสะอาดนาฬิกาที่เป็นสายเหล็ก สายโลหะ สามารถทำได้โดยใช้ผ้านุ่ม ๆ เช็ดให้ทั่ว หากมีคราบให้ถูคราบ ออกอย่างเบามือที่สุด
3. หากพบว่านาฬิกามีฝ้าขึ้นที่หน้าปัดให้รีบส่งนาฬิกาเข้าศูนย์บริการหรือร้านซ่อมนาฬิกาเพื่อทำการตรวจเช็คโดยเร็วที่สุด
4. หากนาฬิกาถ่านหมด ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เพราะในก้อนถ่านมีน้ำกรดที่สามารถกัดกร่อนชิ้นส่วนภายในให้เสียหายได้ ควรส่งเข้าศูนย์บริการหรือร้านซ่อมนาฬิกาเพื่อเปลี่ยนถ่านนาฬิกาโดยเร็วที่สุด
5. สำหรับนาฬิการุ่นที่สามารถกันน้ำได้นั้น ยางกันน้ำทุกประเภทจะมีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยประมาณ 2 ปี จึงควรนำ นาฬิกามาตรวจเช็คและเปลี่ยนยางใหม่ทุก ๆ 2 ปี
6. นาฬิกาทุกประเภทไม่ควรวางใกล้โทรทัศน์/โทรศัพท์/ไมโครเวฟเพราะเป็นแหล่งสนามแม่เหล็กซึ่งจะทำให้นาฬิกา เดินไม่ตรงเวลาได้
สนามแม่เหล็กคืออะไร และ มีผลกระทบต่อการเดินของนาฬิกาอย่างไร
สนามแม่เหล็กเป็นแหล่งกำเนิดคลื่นแม่เหล็ก ซึ่งคลื่นดังกล่าวจะมีผลกระทบกับนาฬิการะบบเปลี่ยนถ่าน (Quartz) ที่มีเข็ม แต่จะไม่มีผลกระทบกับนาฬิกาที่เป็นระบบ Digital (ตัวเลข) ซึ่งนาฬิกาที่มีเข็ม จะใช้พลังงานในการขับเคลื่อนเข็มนาฬิกา ด้วยมอเตอร์ขนาดเล็ก ที่ทำงานโดยอาศัยสนามแม่เหล็กในการควบคุม ดังนั้นหากมีสนามแม่เหล็กจากภายนอกมารบกวน ก็จะทำให้การทำงานของมอเตอร์ดังกล่าว เกิดความคลาดเคลื่อน ซึ่งจะทำให้นาฬิการะบบ Analogue เดินไม่เที่ยงตรงหรือหยุดทำงานไปเลย สำหรับนาฬิกากลไกอัตโนมัตินั้น ในกรณีที่สนามแม่เหล็กมีความเข้มสูง จะมีผลต่อนาฬิกาประเภทนี้ เช่นอาการเดินช้าหรือเร็ว ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการวางนาฬิกาไว้ใกล้แหล่งกำเนิดของสนามแม่เหล็ก เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า, โทรศัพท์, ลำโพง, หรือตู้เย็น รวมถึงอุปกรณ์ Electronics อื่น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความเที่ยงตรงของนาฬิกา
จำเป็นหรือไม่ ที่ต้องส่งนาฬิกาเข้าตรวจเช็คเป็นประจำ
การตรวจเช็คและบำรุงรักษา มีความจำเป็นสำหรับนาฬิกาเป็นอย่างมาก โดยที่ นาฬิการะบบควอทซ์ ได้ถูกออกแบบให้มีระบบแจ้งเตือนก่อนที่แบตเตอรี่ใกล้จะหมด โดยสังเกตได้จากการเดินของเข็มวินาที ซึ่งจะเดินครั้งละ 2-5 วินาที นั้นคือการเตือนว่า แบตเตอรี่ใกล้หมดแล้ว อย่างไรก็ตาม นาฬิกาที่ใช้แบตเตอรี่ ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ ทุก 2 หรือ 3 ปี และสำหรับนาฬิการะบบอัตโนมัติ ก็ควรนำนาฬิกาเข้าตรวจเช็คและบำรุงรักษา เนื่องจากนาฬิกาประเภทนี้มีกลไกที่ซับซ้อนและมีความสึกหรอหากน้ำมันที่ใช้หล่อลื่นเสื่อมสภาพ หรือแห้ง จึงจำเป็นต้องน้ำเข้ามาทำความสะอาดล้างเครื่องและหยอดน้ำมัน เพื่อให้นาฬิกามีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ทั้งนี้ควรนำนาฬิกาเข้ามาตรวจเช็คและบำรุงรักษา ทุก 3-5 ปี
ระดับอุณหภูมิมีผลกับนาฬิกาหรือไม่
มีผล เนื่องจาก นาฬิกาจะสามารถเดินได้ดีในช่วงอุณหภูมิประมาณ 5-36 องศาเซลเซียส ซึ่งหากมีอุณหภูมิที่สูงกว่านั้น อาจส่งผลให้อะไหล่ภายในเกิดความเสียหายได้
ตัวเรือนนาฬิกาซีดจางหรือลอก มีสาเหตุมาจากอะไร
สาเหตุของการที่ตัวเรือนนาฬิกาซีดจางหรือลอกนั้น อาจเกิดจากสารเคมีต่างๆ ที่มีในเครื่องสำอาง น้ำหอมประเภทสเปรย์ หรือ ผงซักฟอก ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการสวมใส่นาฬิกาที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีต่างๆ เพื่อเป็นการถนอมนาฬิกาของท่าน
แผ่นพลาสติกที่ติดมากับฝาหลังนาฬิกาควรดึงออกหรือไม่
ควรดึงออก เนื่องจาก บริเวณรอบๆ แผ่นพลาสติกจะเป็นที่สะสมของคราบต่างๆ เมื่อนาฬิกาได้ถูกใช้งาน ซึ่งจะเป็นสาเหตุทำให้ฝาหลังนาฬิกาเกิดสนิมและผุได้
ควรเปลี่ยนถ่านนาฬิกาบ่อยแค่ไหน
ถ่านนาฬิกาทั่วไปมีอายุโดยเฉลี่ยประมาณ 2 ปี แต่ถ่านสำหรับนาฬิกาที่มีฟังก์ชั่นจับเวลา หรือ สามารถกดปุ่มไฟได้ อาจอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ อย่างไรก็ดีควรเปลี่ยนถ่านนาฬิกาตามระยะเวลาที่กำหนด เพราะถ้าทิ้งไว้นานเกินไป สารจากถ่านจะรั่ว และกัดกร่อน จนทำให้เฟืองนาฬิกาเสียได้
ทำไมเปลี่ยนถ่านนาฬิกายี่ห้อเดียวกันแต่ราคาแตกต่างกัน
เนื่องจากนาฬิกาบางรุ่น ถึงแม้จะเป็นยี่ห้อเดียวกันแต่ก็มีฟังก์ชั่นแตกต่างกันไป เช่น ปุ่มกดไฟ หรือ มีหน้าปัดบอกเวลามากกว่า 1 อัน ซึ่งนั้นก็หมายความว่า นาฬิการุ่นนั้นใช้ถ่านมากกว่า 1 ก้อน ดังนั้นราคาของถ่านจึงขึ้นอยู่กับว่า ทางศูนย์ฯได้เปลี่ยนถ่านกี่ก้อนกับนาฬิกาเรือนนั้นๆ
ทำไมนาฬิกาไม่เดิน (กลไกอัตโนมัติ)
นาฬิกากลไกอัตโนมัติ ก่อนการสวมใส่ควรไขลานนาฬิกาเพื่อเป็นการช่วยทำให้ลูกเหวี่ยงภายในทำงาน เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเดียว ไม่เพียงพอต่อการขึ้นลานของนาฬิกา อาจเป็นสาเหตุให้นาฬิกาหยุดเดิน หรือ นาฬิกาอาจมีการกระแทกหรือกระเทือน ทำให้อะไหล่ภายในหลุดหรือคลายตัว ส่งผลให้กลไลต่างๆ ไม่ทำงาน โดยปรกตินาฬิกาอัตโนมัติ โรงงานจะแนะนำให้ล้างเครื่องทุกๆ 3-5 ปี เพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่ เนื่องจากเมื่อลูกค้าใช้นาฬิกาไปนานๆ จะมีความชื้น คราบฝุ่นละออง คราบน้ำมันจักรต่างๆ สะสมอยู่ ส่งผลให้นาฬิกาเดินได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ทำอย่างไรให้นาฬิกาทำงานอย่างเที่ยงตรงเสมอ
ไม่ควรทิ้งนาฬิกาไว้ในที่อุณหภูมิสูงหรือต่ำจนเกินไปเป็นเวลานาน หลีกเลี่ยงการกระแทกแรงๆ และบริเวณที่มีอุปกรณ์แม่เหล็กหรือสนามแม่เหล็กสูง
ดูแลรักษานาฬิกากันน้ำอย่างไรดี
1. ส่งเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็คอย่างน้อยปีละครั้ง และเปลี่ยนยางกันน้ำสม่ำเสมอ (ทุก 2 ปี) หรือทันทีที่ชำรุด โดยเฉพาะถ้าใส่นาฬิกาโดนน้ำเป็นประจำ
2. ตรวจสอบเม็ดมะยมว่าขันแน่นทุกครั้งก่อนว่ายน้ำ และไม่ได้กดปุ่มใดๆ เอาไว้
3. หลังว่ายน้ำในทะเลหรือสระว่ายน้ำซึ่งมีส่วนผสมของคลอรีน ควรล้างนาฬิกาด้วยน้ำสะอาดโดยเปิดน้ำก๊อกให้ไหลผ่านนาฬิกา
4. ไม่ควรใส่นาฬิกาอาบน้ำ ถึงแม้ว่าจะเป็นนาฬิกากันน้ำ เพราะสบู่จะลดแรงตึงผิวของน้ำ ทำให้น้ำซึมเข้าไปในนาฬิกาได้
5. ระมัดระวังเม็ดมะยมและปุ่มกดขณะที่นาฬิกาเปียก เนื่องจากอาจทำให้ความชื้นเข้าไปภายในเครื่องได้
ทำไมต้องล้างเครื่องนาฬิกา
การล้างเครื่องจะเปรียบเหมือนการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นต่าง ๆ ของรถยนต์ เพราะว่านอกจากจะต้องถอดทุกชิ้น นำออกมาทำความสะอาดแล้ว ยังจะต้องหยอดน้ำมันหลายชนิดตามจุดต่าง ๆ ที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ชิ้นสิ้นต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพซึ่งจะเป็นการรักษาและยืดอายุการใช้งานของเครื่อง ดังนั้นท่านควรนำไปตรวจเช็คสภาพ ความเที่ยงตรงและความสมบูรณ์ของกลไกภายใน เพื่อที่ช่างจะได้รู้ว่ามีความสกปรกภายในหรือน้ำมันหล่อลื่นตามจุดต่าง ๆ แห้งหนืดหรือไม่ ทั้งนี้ ตามมาตรฐานของผู้ผลิตจะแนะนำให้ล้างเครื่องทุก ๆ 3-5 ปี